วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ฟองสบู่โผล่ บอมม์ทางเศรษฐกิจ HIA เผาจริง เผาหลอก บัญชี ธนาคาร VAT GIS เส้นทาง วิกฤติ และโอกาส 222

พรบ เงินกู้ 2 ล้านๆ    การขึ้นดอกเบี้ยของแบ็งค์รัฐ การไหลของเงินฝาก การประมูลดอกเบี้ยของแบ็งค์เอกชน บีบส่วนต่างต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่สามารถเพิ่มได้

เงินฝากในประเทศ ประมาณ 10 ล้านๆ บาท เป็นของกลุ่มทุน ประมาณ 80% คือ 8 ล้านๆบาท
ระบบตรวจสอบเส้นทางการเงินในประเทศด้วยคอมพิวเตอร์ เคยมีข่าวว่า เสร็จตั้งแต่สมัย บิ๊กจิ๋ว แต่หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง สมัยนายกชวน ก็็คงแช่แป้ง
ช่วงที่มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างหนักสมัย ทักษิณ หลายๆกลุ่ม หลีกเลี่ยงไม่ใช้บริการกลุ่มการเงิน บางรายก็แปรพักตร์เข้ากับ พตท.ทักษิณ ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมสื่อสารพุ่งไม่หยุด
ตอนเริ่มมีข่าว พรบ ยึดทรัพย์ ฟอกเงิน ตามมาด้วย พรบ ค้ำ ประกัน เงินฝาก 1 ล้านบาท ได้เกิด การจ้างเปิดบัญชีโอนเงินหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ขึ้น
บางกลุ่ม นำเงินออกมาลงทุนทำธุรกิจ ส่งผลทางเศรฐกิจ และเม็ดเงินภาษี เพิ่มขึ้นจากเดิม ประมาณ 1.3 ล้านๆบาทต่อปี
แต่ทำไมกลุ่มทุนที่มีเงินฝากเยอะๆจึงไม่ยินดีต่อการที่ดอกเบี้ยจะขึ้น
ส่วนนึงน่าจะเกิดจากการแตกบัญชีให้ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ไม่อยากย้ายไปแบ็งค์รัฐ
เงินก้อนเล็กเคลื่อนไหวไปทำอะไรใหญ่ๆยาก จึง อาจจะเอาไปทำอนุพันธุ์การเงินเล็กๆไว้ เช่น ปล่อยกู้ แบ็งค์การันตีกู้เงินให้คนอื่น เทรดหุ้น และอื่นๆอีกมาก
วิศวกรรมการค้าข้าวก็ทำเหมือนเดิมได้ยาก ส่งผลให้ตัวเลขกำไรบริษัทนำเข้า ส่งออกเมล็ดพืชสูง ทั้งๆที่ยอดส่งออกข้าวลด
VAT GIS  คราวนี้มีข้าราชการหลายฝ่ายต้องการใช้ เพื่อยกระดับค่าครองชีพ
ส่งผลต่อธุรกิจกลุ่มโรบินฮู้ดที่ลดราคาขายต่ำกว่าทุน และขุมทรัพย์ที่เป็นปิระมิดหัวกลับติดลบทางบัญชี
ในขณะที่นโยบายปราบปรามยาเสพติดในฟากเพื่อไทย ส่งผลต่อเม็ดเงินในการซื้ออาวุธของชนกลุ่มน้อยในพม่า แต่ลดการเสียดุลย์การค้าชายแดน ที่มีอัตราเร่งสูงในช่วงนี้กว่า เดือนละ 100 ล้านบาท
ค่าครองชีพคงจะพุ่งพรวด

แบ็งค์ออมสิน มีสภาพคล่องอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท จึงประมาณการได้ว่า มีเงินฝากโดยประมาณ 1 ล้านๆบาท แต่ ส่วนใหญ่ น่าจะเป็น เงินหวยออมสิน
ประมาณการคร่าวๆ แบ็งค์รัฐรวมกัน น่าจะมีเงินฝากอยู่ เกินกว่า 2 ล้านๆบาท แต่ เงินที่จะให้ รัฐกู้ได้ 2 ล้านๆบาทยังมีไม่พอแน่ การขึ้นดอกเบี้ยของแบ็งค์รัฐ จะทำให้เงินไหลมาแบ็งค์รัฐอีกประมาณ 2 ล้านๆบาท และ จะเหลือ เงินฝากในแบ็งค์เอกชน ประมาณ5- 6 ล้านๆบาท หรือ 100 เท่า ของ 6 หมื่นล้านบาท
หลังการยึดทรัพย์ พตท.ทักษิณ มาตรการ น้ำประปา ไฟฟ้า ฟรี มีการนำมาให้ประชาชนอย่างทั่วถึง  เฉพาะรถเมล์ รถไฟฟรี 12 ระยะ 1.45 หมื่นล้านบาท รวมระยะที่ิ 13 จะเป็นเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท
การประท้วง คงจะยืดเยื้อ จนกว่า เลขา สมช เกษียณ และมีการแต่งตั้ง คนใหม่ เป็นอย่างน้อย

แต่สิ่งที่ประชาชนควรทราบคือ ธนาคารของรัฐ ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก แต่ขึ้น อยู่กับนโยบายของรัฐบาล ถ้าหากเกิดปัญหา และต่อให้ขึ้นอยู่กับกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ถ้าธนาคารใดก็ตามเกิดปัญหา ก็ใช่ว่า สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะมีเงินมาคืนให้ได้ทันที เพราะ ธนาคารส่วนใหญ่ ปล่อยกู้ ประมาณ 80-90%
และจุดเด่นของแบ็งค์ออมสินที่มีคนฝากเงินด้วยการซื้อหวยออมสิน ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนได้ในระยะประมาณ 10-30ปีข้างหน้า เพราะทักษะของมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 คือ ทักษะการคิดวิเคราะห์
การที่แบ็งค์ออมสินรัน จึงเป็นเหตุการณ์ ที่ทั้งปลอบ ทั้งขู่ แบ็งค์เอกชน แต่ความเป็นจริง ธนาคารออมสินมีโอกาสล้มเพราะคนแห่ถอนได้ยาก เพราะเงินฝากส่วนใหญ่ ถูกหวย ล็อคบัญชีไว้ 5 ปี จึงจะถอนได้ แต่จุดเด่นที่สุดของธนาคารออมสินคือ มีการ แสตมป์ว่าบัญชีมี ATM
และจากการที่ธนาคารออมสินหยุดทำการในวันเสาร์ส่งผลบางอย่างต่อระบบเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่่ห่างไกลความเจริญ คือ การกู้เงินด้วยหลักทรัพย์  ที่มีมูลค่า สูงกว่า 1-2 แสนบาทในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ด้วยสัญญาเงินกู้ก่อนที่จะไปทำขายฝากทำได้ยากขึ้น เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงในการสูญเสียที่ดินจากสัญญาลดลง ธุรกรรมต้องทำในวันทำการ
แต่ถ้ามีคนซื้อหวยออมสินลดลง ก็ยังมีทางออก อยู่ที่ ไมโครเครดิต แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลจะผลักดันงบอุดหนุนมาให้ได้หรือไม่ เพราะในสายตาของนักการธนาคาร การปล่อยกู้แบบไม่มีสินทรัพย์ และติด บูโรเป็นสิ่งที่ธนาคารไม่คิดจะทำ

ผลกระทบ จาก พรบ เงินกู้ 2 ล้านๆ ถ้าหากเป็นการกู้ด้วยหลักเศรษฐาสตร์ของตำรวจ กู้ 2 จะได้ แปด
และเป็นตัวเลขการเสนอโควต้า การผูกขาดที่ชาวกลุ่มทุนที่มีเงินเยอะๆ คุ้นเคย
เรื่องนี้อาจส่งผลต่อ อุตสาหกรรมการเงินด้วย อย่างน้อยในระดับนึง
ผลกระทบต่อ พนักงานบัญชี กลุ่มบริษัท โรบินฮู้ด ที่ทำบัญชี ประมาณ 5 เล่ม ขายสินค้าต่ำกว่าทุน ที่เรียกว่าเทคนิคการทุ่มตลาด แต่ ประเทศไทย ทำแบบ ทุ่มตลาดกันตลอดปีตลอดชาติ ส่งผลให้ค่าครองชีพของประเทศต่ำกว่าที่ควรเป็น
ถ้าหากหลักเศรษฐาสตร์การกู้เงินสูตรตำรวจสำเร็จ ตามเป้าจริง ประชาชน 65 ล้านคน จะมีสิทธิ์ได้มาตรการ ฟรี อีกประมาณ  9หมื่นสองพันบาท ต่อคน แต่ ต้องแลก กับ ความเปลี่ยนแปลงต่อ กลุ่มธุรกิจ ที่สายป่านขาดจะไปกองอยู่ในธนาคาร ในวันที่คล้ายๆกับปี 40 และค่าครองชีพปรับตัวขึ้นแบบถาวร
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย
ภูมิต้านทานทางเศรษฐกิจ จากกลุ่มทุนข้ามชาติ จากความไร้ระเบียบ จะลดลง แต่ ระบบการบังคับใช้กฎหมายที่แตกต่างเงื่อนไขจะยังเป็นโอกาส

แต่อาจเป็นโอกาสของกลุ่มทุนด้วยที่จะมีสินทรัพย์ราคาถูกเข้าพอร์ทอีกครั้ง
วิศวกรรมการเงินชั้นสูงจะถูกงัดออกมาใช้
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตจะแจ่มใส และเป็นการปรับฐานครั้งใหม่ของประเทศ ก่อนเข้าสู่ AEC
กระทรวงยุติธรรมจะมีงานล้นมือ ในขณะที่งบก็ไม่เพิ่มมาก
กลุ่มทุนระดับล่างจะมีโอกาสในการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งหนทางเข้าตลาดหลักทรัพย์เปิดกว้างขึ้น
อุตสาหกรรมสื่อสารที่ ผลิต สมาร์ทโฟนรุ่นที่มีการสแกนลายนิ้วมือ GPS มีหูยึดติดโครงเครื่อง และกันน้ำได้ อาจจะยอดขายเพิ่มขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น